
ระบบน้ำ กับ แนวทางเกษตรอินทรีย์
ระบบน้ำ เป็นปัจจัยสำคัญมากในการปลูกพืชไม่ว่าจะเป็น พืชผัก พืชไร่ ไม้ผลหรือแม้แต่พืชสวนประดับ หัวใจสำคัญของการปลูกพืชก็คือน้ำ เมื่อน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานหลักที่พืชต้องการและจะขาดไปเสียไม่ได้ การทำการเกษตรจึงจำเป็นต้องมีการวางระบบการให้น้ำแก่พืช เพื่อผลสำเร็จของผลผลิตที่คาดหมาย
หากเราคิดจะทำสวนผักกินผล ผักกินใบ สวนไม้ดอก หรือ พืชตระกูลแตง หรือแม้แต่ไม้ผลหลากชนิด เราสามารถจะวางระบบน้ำให้เหมาะสมและถาวรได้ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อแนวทางการจัดการพืชแนวทางของเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างมาก โดยในการจัดการติดตั้งระบบน้ำนั้น ต้องพิจารณาถึงชนิดของพืชปลูกควบคู่ไปด้วย ดังนี้
ระบบน้ำ ในพืชกลุ่มกินใบ :
เป็นการวางระบบน้ำที่สะดวกและง่ายมากที่สุด เพราะว่าการวางระบบน้ำ โดยฝังท่อกลางร่อง ความกว้างของร่องผักให้อยู่ในรัศมีของน้ำ ระหว่างหัวสปริงเกลอร์ นั้นควรให้มีรัศมีของน้ำเมื่อเปิดแล้วชนกันพอดี ก็จะทำให้เปียกชุ่มทั่วทุกส่วน การวางระบบน้ำในแปลงผัก จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4,000-6,000 บาทต่อไร่ หมายถึงซื้ออุปกรณ์มาแล้ววางท่อต่อท่อ ด้วยแรงงานตนเอง เอาแรงหรือจ้างเพื่อนเกษตรกร คิดวางแปลงได้เลย แม้ใช้เครื่องจักรยกแปลงก็ไม่มีปัญหา แปลงพืชตามแนวทางชีวภาพ ไม่จำเป็นต้องย้ายจุด ย้ายแปลง เพราะไม่มีโรคระบาดสะสม ธาตุอาหารพืชก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นไม่ลดลง
ระบบน้ำ ในพืชผักกินผล :
วางระบบเช่นเดียวกับพืชกินใบแต่ดูความสูงของหัวสปริงเกลอร์ กรณีใช้แปลงเดียวกัน สลับพืชกินใบ ควรวางหัวสปริงเกลอร์ให้สูงหน่อย ก็จะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด กรณีปรับแปลงเป็นถั่วฝักยาว แปลงแตงกวา ควรวางแปลงให้สามารถถอดเปลี่ยนท่อบนดินได้ เพื่อกำหนดรัศมี ของน้ำได้อย่างมีความเหมาะสมต่อไป การใช้ผ้าพลาสติกคลุมแปลง เพื่อป้องกันวัชพืช หรือรักษาความชื้น ไม่เหมาะสมตามแนวทางอินทรีย์ควรใช้เศษฟาง เศษหญ้า คลุมแปลงจะดีกว่า เพราะมีประโยชน์ระยะยาว ไม่เป็นที่สะสมของเชื้อโรคและแมลงในดินเหมือนอย่างผ้าพลาสติกด้วย
ระบบน้ำในสวนผลไม้ :
การวางระบบน้ำในสวนผลไม้ ควรเป็นระบบน้ำ 2 ชั้น หัวสปริงเกลอร์ชั้นล่างอยู่บริเวณโคนต้น หัวระบบน้ำชั้นบน อยู่เหนือส่วนบนของยอดไม้ สามารถถอดต่อท่อน้ำได้และควรควบคุมทรงพุ่ม หัวสปริงเกลอร์ มีความแรงน้ำมากพอ ที่จะทำให้ทั่วทรงพุ่มเปียกได้อย่างทั่วถึง หรืออาจต่อสปริงเกลอร์หลายหัว ค่าใช้จ่าย 5,000-7,000 บาทต่อไร่ แล้วระยะห่างของต้นไม้ผล
ระบบน้ำในพืชไร่ :
พืชไร่หลายชนิด เราอาจจำเป็นต้องให้น้ำกรณีที่ทำนอกฤดู เช่น พริก ข้าวโพด มันฝรั่ง มันแกว ถั่วเหลือง ฯลฯ ควรวางระบบน้ำให้มีแรงดันมากพอแล้วใช้หัวสปริงเกลอร์ แบบเรนกัน (Rain Gun) สามารถยิงน้ำได้ทั่วถึงในรัศมีประมาณ 20-40 เมตร แล้วแต่หัวสปริงเกลอร์ ใช้แรงงานถือหัวสปริงเกลอร์ บนรถ แล้วยิงไปในทิศทางที่ต้องการ
ระบบน้ำตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ ใช้สำหรับให้ปุ๋ยทางใบ ให้สมุนไพร ล้างคราบน้ำค้างตอนเช้า ล้างน้ำค้างจากน้ำฝน ไล้เพลี้ยไฟ ไล่เพลี้ยแป้ง ในฤดูร้อน วางระบบน้ำให้ดี ลดต้นทุนการใช้แรงงาน ไม่มีการใช้สารเคมี ทำให้มีกำไรเพิ่ม และได้ผลผลิตที่ปลอดภัย
ที่มา : นิตยสารเกษตรชีวภาพ,2551