ฟาร์มแพะนมอารมณ์ดี ของคน Gen X วาสนา กุญชรรัตน์
พี่เลือกลาออกจากราชการมาทำฟาร์มแพะนม ที่แม้จะไม่ได้เหมือนกับความใฝ่ฝันที่มีแต่ก็ถือว่าได้ทำอะไรใกล้เคียงตามความฝันแล้ว จึงกล้าออกมาทำอย่างไม่ลังเล แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่างานภาคเกษตรนั้นเป็นงานที่เหนื่อยหนักต้องใช้ความอดทน ความมุ่งมั่นและใจรักที่แท้จริง จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จบนทางสายนี้ได้
ว่ากันว่าข้อดีของคน Gen x หรือ คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2508-2522 เป็นคนที่มีความใส่ใจห่วงใยผู้คนและสังคมคนรอบข้าง เมื่อจะทำอะไรก็จะมีการตระหนักคิดวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียก่อนลงมือทำอยู่เสมอ เพราะได้รับอิทธิพลแนวความคิดมาจากคน Gen B จึงทำให้มีจริยธรรมในการทำงานหรือประกอบธุรกิจค่อนข้างสูง และมีความยึดมั่นในความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาต่อการดำเนินชีวิตและผู้คน นอกจากนี้ยังมีใจเปิดกว้างพร้อมรับฟังผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านอุปนิสัยอันโดดเด่นของคนเจนนี้ จึงไม่แปลกที่คุณวาสนา กุญชรรัตน์ หรือ คุณตุ้ย เกษตรกรสาวคนเก่งวัย 54 ปี ผู้หาทางผันตัวเองออกจากงานประจำระบบราชการมาสร้างแลนด์มาร์กอันแสนสุขให้ตัวเองในเขตบ้านเขาพระเอก ตำบลทุ่งหลวง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 จะสามารถสร้างธุรกิจฟาร์มแพะนมภายใต้ชื่อ “TT Garden and Goat Farm” ที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่น คือ การบริหารจัดการฟาร์มทุกอย่างด้วยความใส่ใจ จนได้รับการยกย่องให้เป็นฟาร์มแพะตัวอย่างในเขตภูมิภาคนี้ พร้อมรักษาฐานลูกค้าการตลาดมาได้ยาวนานกว่า 10 ปี ด้วยราคาขายที่ทำได้สูงกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม
จุดเริ่มต้นในการทำ ฟาร์มแพะนมอารมณ์ดี
การทำฟาร์มแพะเนื้อหรือแพะนมในเมืองไทยมีมานานแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่นิยมด้วยเนื้อหรือนมแพะที่ได้มามักติดกลิ่นสาปที่ผู้คนไม่ชอบ ซึ่งมีผลมาจากการจัดการดูแลฟาร์มแพะไม่ดีพอ และยังจะประสบกับปัญหาโรคแท้งติดต่อหรือโรคบรูเซลโลซิส ที่เป็นโรคสำคัญต่อวงการเลี้ยงแพะและสัตว์สี่เท้าอีกด้วย ซึ่งแพะเป็นสัตว์ที่ไวต่อการติดเชื้อโรคนี้สูงกว่าสัตว์ชนิดอื่น ชนิดที่เป็นขึ้นมาเมื่อไหร่สร้างความเสียหายให้ได้มาก หากไม่มีการป้องกันหรือแยกจัดการโรคนี้ได้ทันท่วงที ดังนั้น การที่จะประครองฟาร์มแพะให้ผ่านเวลามาได้นานกว่า 10 ปี โดยคุมได้ทั้งเรื่องการทำตลาด และคงคุณภาพได้แบบที่คุณตุ้ยทำจึงไม่ใช่เรื่องง่าย กับการเริ่มต้นทำฟาร์มแพะในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2549 หลังลาออกจากงานราชการ จนกลายมาเป็นฟาร์มต้นแบบที่หน่วยงานรัฐให้การสนับสนุน
คุณตุ้ย วาสนา กุญชรรัตน์ กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นอาชีพการเลี้ยงแพะของพี่ มาจากการมองหาตัวช่วยกำจัดหญ้าวัชพืชในสวนทั้งหมด 29 ไร่” ด้วยเหตุผลที่ว่า แพะสามารถช่วยกำจัดหญ้าวัชพืชได้ดี มีนิสัยการกินหลากหลายมีพืชอาหารกว้าง จึงเลือกแพะแทน โค แกะ หรือ กระบือ ซึ่งเป็นสัตว์กินหญ้าเหมือนกัน บนพื้นฐานความคิดว่า เพราะ “การเลี้ยงสัตว์นั้นต้องการความใส่ใจ จะมาทำเล่นๆ ทิ้งขว้างไม่ได้” การเลือกชนิดสัตว์เข้ามาในฟาร์มนั้นจึงเกิดขึ้นมาภายใต้ความเหมาะสม จากการประเมินกำลังในการจัดการดูแลก่อนจะลงทุนสร้างแลนด์มาร์ก ดินแดนแห่งฟาร์มสุขให้แพะอยู่บนพื้นที่ 2,400 ตารางวา ด้วยจำนวนแพะ เริ่มต้นเพียง 25 ตัว และควบคุมจำนวนการเกิดใหม่ในปริมาณที่สามารถดูแลได้ทั่วถึง เนื่องจากแพะเป็นสัตว์ที่ต้องการการดูแลใส่ใจอย่างใกล้ชิด คุณตุ้ยจึงวางแผนชีวิตให้สามารถจัดการแพะที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 80 ตัวในปัจจุบันได้ด้วยแรงงานหลักของตัวเองและพี่สาว ไปพร้อมกับการสำรวจตลาดและทำสวนมะม่วง พืชสมุนไพร ต่างๆ ควบคู่ไปด้วย
การทำธุรกิจต้องมีเงินทุนหมุนเวียน
ในวันที่ตัดสินใจลาออกมาทำฟาร์มแพะนั้นคุณตุ้ยนำเงินเก็บที่มีมาซื้อที่ดินและลงทุนเลี้ยงแพะ พร้อมทำคอกแบบไม่เหมือนใคร มีการแยกคอกกั้นห้องให้แพะ 80 ตัวอยู่แบบรายตัว ด้วยเงินเริ่มต้นกว่า 2 ล้านบาท และไม่ได้ตระหนักรู้ว่าการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการทำร้านเล็กๆ ธรรมดาหรือจะเป็นโมเดลที่ใหญ่โตนั้นจำเป็นต้องมีเงินทุนสำรองหมุนเวียนที่สามารถอยู่ได้นาน 3 – 5 ปี โดยการเลี้ยงแพะนมนั้นจะมีโจทย์ที่ท้าทายเกษตรกรผู้เลี้ยงอยู่ในช่วง 1-3 ปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่แพะยังไม่มีผลผลิต ผู้เลี้ยงจะต้องประครองตัวเองให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ด้วยในส่วนของแพะนั้นก็มีค่าจัดการด้านอาหารข้น ยา และอาหารเสริมต่างๆ เกิดขึ้นทุกวัน ในขณะที่ส่วนของผู้เลี้ยงเองก็มีค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆ ในการดำเนินชีวิตด้วยเช่นกัน
ดังนั้น คุณตุ้ยจึงเดินหน้าเข้ามาปรึกษาการทำธุรกิจกับผู้มีความชำนาญเพื่อต่อยอดเงินทุนให้สามารถเดินหน้าเรื่องฟาร์มแพะต่อไปจนมีผลผลิตออกมาสร้างรายได้ สามารถขยายจำนวนแพะจาก 25 ตัวเป็น 80 ตัวได้ปัจจุบัน และมีตลาดหลักอยู่ที่มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสนและรีสอร์ทหัวหิน โดยสามารถควบคุมคุณภาพน้ำนมที่ผลิตจำหน่ายให้คงเดิมอยู่ได้มานานกว่า 10 ปี ด้วยเทคนิคการใส่ใจ เน้นการรักษาความสะอาด สร้างสภาพแวดล้อมให้แพะอยู่แบบเหมาะสม อาหารการกินสมบูรณ์ ทำให้แพะไม่เครียดจึงได้น้ำนมแพะสดไม่มีกลิ่นสาบ รสชาติดี ผู้คนชิมแล้วติดใจ จนทำราคาจำหน่ายจากหน้าฟาร์มได้ที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 100 บาท ซึ่งป็นราคาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตามท้องตลาดปกติกว่าเท่าตัวมาได้ยาวนานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ยังมีการสร้างรายได้เสริมด้วยการนำนมแพะไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น สบู่นมแพะ เครื่องสำอางผสมนมแพะ ไอศกรีมนมแพะ ออกจำหน่ายตามงานต่างๆ และ ทำสวนปลูกพืชผัก ไม้ผล สมุนไพร สร้างรายได้หมุนเวียนให้เกิดในพื้นที่อย่างไม่หยุดนิ่งไม่อิงรายได้จากตลาดหลักเพียงอย่างเดียว
หลักการทำฟาร์มแพะให้ประสบความสำเร็จตามแบบฉบับคุณตุ้ย
การทำฟาร์มหรือทำการเกษตรก็เหมือนกับการเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างหนึ่ง ซึ่งก่อนจะลงทุนคุณตุ้ยได้ทำการสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะจัดการดูแลด้านไหน มีพลังงานความสามารถจำกัดที่เท่าไหร่ และมีเงินลงทุนทำธุรกิจได้หรือไม้ แล้วจึงเริ่มวางแผนการทำงานจนนำมาสู่ความสำเร็จในวันนี้ ดังนี้
- สร้างเครือข่ายสมาพันธ์กลุ่มผู้เลี้ยงแพะในจังหวัดราชบุรี กระจายพันธุ์ ทำการตลาด แทนการเน้นขยายฐานกำลังการผลิต ให้ก้าวไปด้วยกันมากกว่าจะฉายเดี่ยวมาคนเดียว
- เอาเรื่องตลาดของแต่ละเดือนมาวิเคราะห์ เพื่อเตรียมแผนการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ไม่ปล่อยผลผลิตออกมาล้นตลาดจนราคาตก
- คงคุณภาพการผลิตไว้ให้ได้มาตรฐานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ในฟาร์มตัวเองแต่ยังครอบคลุมไปถึงในเครือข่ายสมาพันธ์ฯด้วย
- ไม่หยุดเรียนรู้ หรืออัพเดทข่าวสารและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการเลี้ยงแพะ เพื่อนำมาปรับใช้กับการจัดการฟาร์มแพะแบบครบวงจร ซึ่งมีแผนที่จะพัฒนาต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรต่อไป
ถอดบทเรียนการทำธุรกิจจาก ฟาร์มแพะนมอารมณ์ดี
- เริ่มต้นธุรกิจด้วยการแก้ไขปัญหาตามแต่งภาพฝันให้เป็นจริง โดยปัญหาที่มีคือเกิดวัชพืชในพื้นที่สวนเดิมที่ลงทุนซื้อนั้นมีหญ้าวัชพืชขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ในการกำจัดหญ้าวัชพืชบนพื้นที่ 29 ไร่ ต้องใช้แรงงานไม่ต่ำกว่า 3 คน จึงมีต้นทุนทั้งค่าแรงงาน ค่าเครื่องมืออุปกรณ์ น้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้นและหญ้าสามารถแตกใหม่และเติบโตได้เร็ว จึงเป็นการสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรในการกำจัดทิ้ง จึงนำมาสู่การคิดหาแพะมาปล่อยเลี้ยงกินหญ้าในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นเสมือนการเติมเต็มความฝันที่อยากมีฟาร์มม้าเหมือนในหนังฝรั่งให้ตัวเองได้ใช่หล่อเลี้ยงหัวใจ ให้มีกำลังในการทำงานต่อไปอย่างมีความสุขอีกด้วย
- หาข้อมูลการทำธุรกิจฟาร์มแพะ ศึกษาว่าแพะจะให้อะไร ก่อนจะลงทุนเลี้ยงแพะ ได้มีการศึกษาหาข้อมูล เดินสายอบรมเอาความเกี่ยวกับการเลี้ยงแพะ เพื่อหาลูกทางการสร้างรายได้จากสิ่งที่ลงทุนไป เช่น แพะ มีผลผลิตอะไรบ้าง ที่สามารถแปรรูปตั้งตนจนเปลี่ยนเป็นเงินได้ รายได้เกิดจากอะไร เช่น ผลผลิตที่จะเป็นรายได้หลักนั้นเกิดจากการขายน้ำนม,ขายพันธุ์,ขายมูลไปทำปุ๋ย,และจำหน่ายเป็นเนื้อ ซึ่งสำหรับแพะจะมีระยะเวลาประมาณ 3 ปีกว่าจะเริ่มเก็บผลผลิตหลักอย่างน้ำนมได้
- สำรวจข้อมูลทำการวิจัยตลาด คุณตุ้ยมีการตั้งลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และกำหนดคุณภาพผลผลิตไว้ในใจ หลังจากรู้ว่าตัวเองจะทำอะไร? ที่ไหน? แล้ว ก็ต้องมองให้ออกว่าจะขายสิ่งที่ทำอยู่กับใคร? โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณตุ้ย คือ ตลาดหลักที่มหาวิยาลัยเกษตรกำแพงแสน เนื่องจากมีการบริโภคกันอยู่แล้ว และมีเครือข่ายที่ได้มาจากช่วงที่ทำงานรับราชการ จึงทำการติดต่อสอบถามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเริ่มจากการเข้าหาคนรู้จักและขยายวงออกไป เพื่อเก็บข้อมูลตลาดนมแพะและมองหาจุดเด่นในการทำตลาดขายสินค้า จนได้รู้ว่า นมแพะนั้นมีประโยชน์สูง ย่อยง่ายกว่านมวัว จนอาจกล่าวงได้เลยว่ามีประโยชน์ดีกว่า แต่คนไม่นิยมบริโภคเพราะมี “กลิ่นเหม็นสาบแรง” อันนำมาสู่โจทย์หลักในการทำงานฟาร์มและการจัดการผลผลิต
- ประเมินศักยภาพของตัวเองว่า สามารถทำอะไรได้แค่ไหน คุณตุ้ยเน้นการทำงานแบบสบายๆ ไม่เครียดทั้งคนและสัตว์ และมองที่คุณภาพและผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ไม่ใช่มุ่งเน้นในเรื่องของตัวเงินที่คาดว่าจะได้รับเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ลดความตึงเครียดในช่วงขณะการบริกหารจัดการและทำงานได้อย่างสุขใจ เพราะไม่ได้เอาเงินนำธุรกิจ แต่ใช้ใจนำธุรกิจ ดังนั้น คุณตุ้ยจึงรู้ความต้องการหรือกำลังของตนเองได้ดีว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง จึงไม่ทำอะไรเกินตัว จนอาจเป็นหนทางนำมาสู่ความเสียหายด้านอื่นๆ ตามมาการคุมคุณภาพผลผลิตและปริมาณจำนวนแพะในฟาร์มให้เหมาะสมต่อความสามารถในการจัดการดูแลด้วยแรงงานหลักที่มี เพื่อป้องกันเรื่องการดูแลไม่ทั่วถึง ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ ก่อนลงทุน ด้านต่างๆ ให้เหมาะสม พร้อมกับวางแผนสำรองหาช่องทางออกรองรับผลผลิตหากวันหนึ่งมีคำสั่งซื้อลดลงในขณะที่ผลผลิตมีเท่าเดิม ก็จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่าย เป็นการระบายผลผลิตสร้างทางเลือกขอรายได้ ทำให้ไม่ต้องตันอยู่ที่รายได้หลักทางเดียว
- คงคุณภาพให้ได้มาตรฐานเหมือนวันแรก คุณภาพวันแรกเป็นอย่างไรต้องทำให้ได้อย่างนั้นในทุกๆ วัน ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนคุณภาพตกต่ำ ในขณะที่ค่าความนิยมมีมากขึ้น ซึ่งการใส่ใจในเรื่องนี้นี่เองที่เป็นสิ่งมัดใจลูกค้าให้เลือกใช้ผลผลิตจากฟาร์มคุณตุ้ยแทนฟาร์มอื่น ด้วยเพราะเชื่อมั่นในจรรยาบรรณ และหลักธรรมในการทำงานที่แฝงไว้ใน DNA ของคน Gen X และอุปนิสัยของคุณตุ้ย
“พี่จบนิเทศศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน รักการถ่ายรูปเชิงท่องเที่ยวเกษตร มีความฝันถึงฉากคาวบอย อยากมีฟาร์มม้าไว้ขี่เล่นเหมือนในหนังฝรั่ง และมองหาอาชีพที่ยั่งยืน จึงเลือกลาออกจากราชการมาทำฟาร์มแพะนม ที่แม้จะไม่ได้เหมือนกับความใฝ่ฝันที่มีแต่ก็ถือว่าได้ทำอะไรใกล้เคียงตามความฝันแล้ว จึงกล้าออกมาทำอย่างไม่ลังเล แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่างานภาคเกษตรนั้นเป็นงานที่เหนื่อยหนักต้องใช้ความอดทน ความมุ่งมั่นและใจรักที่แท้จริง จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จบนทางสายนี้ได้ แต่ก่อนพี่จะตัดสินใจก้าวออกมาพี่ได้ถามตัวเองแล้วว่าไหวมัย ซึ่งคำตอบของพี่ คือ อาชีพเกษตรกรรมเป็นหนทางอาชีพที่ใช่ และทำให้เกิดความยั่งยืนได้เพราะตัวเองมีใจรัก จึงดำเนินกิจการฟาร์มผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้เป็นขวบปีที่ 14 แล้วและยังคงความเชื่อมั่นในใจของลูกค้าที่ผูกพันกันมาตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกรรมร่วมกันได้อย่างไม่สั่นคลอน”
ที่มา : บทสัมภาษณ์ คุณตุ้ย วาสนา กุญชรรัตน์ Bangkokbangsme โดย มินยดา อนุกานนท์